หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2555

รูปที่1

รูปที่2

รูปที่3

ผลงานที่เสร็จสมบูรณ์

วันพฤหัสบดีที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

วันหยุดของฉัน


กิจกรรมช่วปิดเทอมของฉัน

    ช่วงแรกได้อยู่ช่วยงานครูคำสอนที่วิทยาลัยแสงธรรมกับเพื่อนๆอีกหลายคนในวันที่ 17-19 ตุลาคม 2555 ได้ร่วมงานกับเพื่อนๆและครูคำสอนแต่ละสังฆมณฑลที่มาร่วมงานและได้กลับบ้านในวันที่ 19 ตุลาคม 2555 ในตอนเที่ยง ฉันนั่งรถ ปอ.78 กลับราชบุรี ใช้เวลาในการนั่งรถ 2 ชั่วโมง 
     เมื่อกลับถึงบ้านเป็นเวลาช่วงเย็นของวันศุกร์ ในวันนั้นฉันได้ไปซื้อกับข้าวและขนมต่างๆมากมายที่ตลาดนัด ฉันได้อยู่กับครอบครัวบ้างเป็นบางวัน แต่ก็ทำให้ฉันมีความสุขมากกับการที่ได้อยู่กับครอบครัว ได้อยู่บ้านเลี้ยงหลาน ทำกับข้าวร่วมกันกับแม่ และยาย เมื่อถึงวันอาทิตย์ก็ไปเข้าวัดเพื่อเข้าพิธีมิสซาในวันอาทิตย์ตอนเช้า และตอนบ่ายแม่กะพาออกไปกินข้าวข้างนอกบ้านกับแม่
     ช่วงเวลาวันที่ 24-26ตุลาคม 2555 ได้รับคำสั่งจากคุณพ่อให้ไปช่วยงานที่โรงเรียนดำเนินวิทยา งานประจำของฉันคือ เข้ารับงานจากคุณพ่อ งานแรกที่ได้รับ คุณพ่อให้เดินสำรวจโรงเรียนเพื่อที่จะเตรียมทำป้ายจราจรติดตามทางเข้าของโรงเรียน และงานที่สองรู้สึกว่าที่ได้เรียนเมื่อตอนฝึกปฏิบัติฉันรู้สึกว่าฉันได้นำความรู้นั้นไปใช้ได้จริงๆ คือคุณพ่อให้ฉันออกแบบป้ายของประเทศอาเซียนทั้ง 10 ประเทศและทุกๆเย็นหลังจากการทำงานแม่ก็จะไปรับที่โรงเรียนเพื่อพาฉันไปเที่ยวตลาดนัดทุกๆวัน
         ในช่วงที่ไม่ได้ทำงานแม่ได้พาฉันไปเที่ยวที่ฉันชอบไปมากก็คือ ตลาดน้ำดำเนินสะดวก ฉันชอบไปเพราะที่นันขนมเยอะ ก๋วยเตี๋ยวอร่อย วันนั้นที่ไปตลาดยังไม่ค่อยมีอะไรมากเพราะฉันไปตอนเช้ามาก มีร้านเพียงแค่ไม่กี่ร้าน แต่ก็ยังมีขนมให้ฉันซื้อได้


วันพฤหัสบดีที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2555

เรื่องส่วนตัว.....นาทีชีวิต







ประวัติความเป็นมาของฉัน
นางสาวชญาภรณ์ ยนปลัดยศ เรียกกันติดปากว่า อ้อม
เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 3 พฤษภาคม 2535  ตอนนี้อายุ 20 ปี
ภูมิลำเนาอยู่ที่ราชบุรีมาแต่กำเนิดเป็นคนดำเนินสะดวก มีพี่น้อง 2 คน ฉันเป็นลูกสาวคนเล็ก มีพี่ชาย 1 คน
         พี่ชายฉันชื่อราชันย์ ยนปลัดยศ แม่เรียก ท๊อป  แต่คนอื่นเรียกเขาว่า บอส (ตอนนี้มีหลานให้ฉันเลี้ยง 1คนแล้วด้วย)
               ชีวิตของฉันมีความสุขดีอยู่แม้ว่าครอบครัวของฉันจะไม่สมบูรณ์ แต่ชีวิตฉันก็มีความสุขดี    ตัวฉันเองเป็นคนที่ง่ายๆกับทุกๆเรื่อง แต่ยกเว้นเรื่องเดียวคือเรื่องกิน(เรื่องมากที่สุดเลย)
        ฉันเองเป็นคนที่ร่าเริง สนุกสนาน เจ้าอารมณ์บ้างบางเวลา  ฉันชอบเอาใจใส่คนรอบข้าง (ชอบเห็นคนรอบข้างมีความสุข)
นิสัยส่วนตัวที่ติดลบก็คือเป็นคนชอบคิดมาก  งี่เง่า เอาแต่ใจ  แต่เวลารักใครก็รักจริง(แต่อย่าให้โกรธหรือเกลียดใครฉันจะเกลียดมากๆ)และฉันก็เป็นคนแคร์คนอื่นจนลืมมองตัวเองไปด้วยซ้ำ

เรื่องราวชีวิตของฉันมันเป็นเหมือนนาทีชีวิตได้เลยทีเดียว
ในอดีตที่ผ่านมาแม่เล่าให้ฟังว่าเมื่อฉันเกิดมาอายุได้1ขวบ ช่วงนั้นที่บ้านมีอาชีพเลี้ยงวัวฉันเป็นโรคไข้เยื่อหุ้มสมองอักเสบ
(ก่อนที่จะได้รับวัคซีนซะอีก) อยู่โรงพยาบาลเป็นเดือนๆต้องโกนหัว เจาะไขสันหลัง ช่วงนั้นแม่เล่าว่าฉันนอนหมดสติไป 3 วัน3คืน  แม่บอกว่าตอนนั้นแม่ก็ทำใจไว้แล้วแหละว่าจะต้องไม่รอด เพราะหมอบอกกับแม่ว่าเหลือแค่ 70-30 เปอร์เซ็นต์ คือโอกาสรอด30 และโอกาสที่จะตายมีอยู่ 70 เปอร์เซ็นต์ รอดก็คงไม่ปกติเท่าไหร่นัก แต่สุดท้ายปาฏิหาริย์ก็มีจริง ฉันมีชีวิตรอดมาโดยที่สมบูรณ์แบบไม่น่าเชื่อ และตั้งแต่นั้นฉันก็มีภูมิคุ้มกันที่บกพร่องมาตลอด กลายเป็นคนอ่อนแอแต่ฉันก็ไม่ยอมแพ้ใช้ชีวิตเรื่อยๆมาตลอด20ปี เข้าโรงพยาบาลมากยิ่งกว่าเดินห้างสรรพสินค้าด้วยซ้ำ เมื่อช่วงอายุประมาณ 15 ปีเกิดอาการปวดท้องอย่างรุนแรงไปนอนโรงบาลที่หนึ่งแต่เขาก็บอกไม่ได้ว่าเป็นอะไร ก็เลยย้ายโรงบาลหมอพบเจอไส้ติ่งอักเสบเกือบที่จะแตกแล้ว ฉันก็เลยได้เข้ารับการผ่าตัดไส้ติ่ง แต่พอเว้นระยะห่างได้ 6 เดือน ฉันก็รู้สึกแปลกๆ พอไปหาหมอก็ได้เข้ารับการผ่าตัดอีกครั้ง ครั้งนี้ เป็นช็อคโกแลตซีสที่ปีกมดลูกด้านขวา แล้วปีกมดลูกเกิดพลิกคว่ำทำให้เลือดคลั่งในรังไข่ จนต้องได้รับการผ่าตัดอย่างโดยด่วน  เมื่ออายุ 17 ปี ฉันก็เข้าโรงพยาบาลเกือบทุกเดือน ตอนนั้นเป็นโรคหัวใจ เกิดอาการชักเกร็งอย่างรุนแรง ปวดหัวอย่างมาก โดยไม่รู้สาเหตุเลยด้วยว่ามันมาจากไหน จนมาถึงอายุ 18ปีเป็นหนักขึ้น อยู่โรงพยาบาลเป็นเดือนๆ ในช่วงนี้ฉันเป็นเกือบทำให้แม่ต้องเสียใจอีกครั้ง ครั้งนี้เป็นหนักมากกว่าที่ผ่านมา เกิดอาการชักเกร็งมาก ทำให้ฉันทรมานหมดลมไปประมาณ 3-4นาที ซักพักก็ฟื้นขึ้นมา หลังจากนั้นที่ฟื้นขึ้นมาฉันก็หายใจเองไม่ได้เป็นเวลาถัดมาอีกเกือบ3สัปดาห์หลังจากรักษาหายดีและอยู่อย่างอ่อนแอบ้างแข็งแรงบ้างเป็นบางครั้ง แต่เมื่อไม่นานมานี้เกิดอาการปวดหลัง ร้าวมาที่แขนและขึ้นหัวปวดมาๆ จนมีอาการชาไปครึ่งซักตัวด้านซ้าย หมอบอกว่ากล้ามเนื้อหลังอักเสบเรื้อรัง ซึ่งเป็นผลกระทบมาจากการเป็นไข้เยื่อหุ้มสมองในตอนที่เป็นเด็ก ในตอนนี้ฉันก็ได้รับการรักษาอยู่เรื่อยๆ ตอนนี้ก็เลยอยู่ในช่วงที่พักฟื้นตัวเองให้แข็งแรงอยู่  และอยู่เรื่อยมาอย่างมีความสุขยอมรับว่าท้อเหมือนกันนะกับสิ่งที่เป็นอยู่แต่ฉันก็ยังพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับความเป็นจริงอย่างมีความสุข เพราะถ้าใจฉันยิ่งท้อ ร่างกายของฉันก็จะไม่มีทางที่จะดีขึ้นและหายดีได้ ฉันจึงลุกขึ้นสู้และพร้อมที่จะทำให้ร่างกายและจิตใจของฉันแข็งแรงมากขึ้นและอยู่อย่างมีความสุข  แม้ร่างกายจะป่วยแต่ก็ใช่ว่าจะทำใจให้สุขไม่ได้ จริงไหมคร่ะ!!!!!!!
             จากเรื่องราวชีวิตของฉันอยากให้ผู้ที่อ่อนแอและสิ้นหวัง ไม่ว่าจะด้านร่างกายหรือจิตใจ ก็อยากขอเป็นกำลังใจให้ลุกขึ้นสู้กับอุปสรรคต่างๆที่เราต้องเจอ คุณอาจจะท้อแท้ได้แต่ถ้ายังไม่สิ้นหวังคุณก็จงอย่าท้อถอย เมื่อมีสุขมันก็ต้องมีทุกข์ เมื่อผิดหวังก็มีสมหวังปะปนกันไปบ้างเป็นธรรมดาของชีวิตคน  อย่าคิดว่าตนเองไม่มีค่า อย่าไปมองว่าคนอื่นมีค่าแค่ไหน ถ้าคุณยังมองไม่เห็นค่าของตัวคุณเอง

วันพุธที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2555

สุขที่แท้จริง






คนที่มีความสุขที่สุดในโลกไม่ใช่คนที่ร่ำรวย คนที่มีความสุขที่สุดในโลกไม่ใช่คนที่ประสบความสำเร็จ แต่คนที่มีความสุขที่สุดในโลกคือ คนที่มีความสบายใจเท่านั้นเอง และความหมายของความสบายใจ คือ
หนึ่ง เต็มไปด้วยความเชื่อมั่น เชื่อว่าคุณมีดี คุณน่าคบหา และคุณทำได้ 
สอง รู้จักตัวเอง ยอมรับในข้อบกพร่องของตัวเอง และพร้อมจะปรับปรุงเสมอ 
สาม ไม่ดื้อดึง ถ้าวันวานคุณเคยทำผิดพลาด คุณก็ยินยอมเปลี่ยนแปลงและรับฟังคนอื่น 
สี่ เห็นค่าของตัวเอง คุณไม่คิดว่าตัวเองช่างไร้ค่า คุณจึงมีความสุขในใจเสมอ 
ห้า วิ่งหนีความทุกข์ เมื่อรู้ตัวว่าตกลงไปในความทุกข์ คุณก็รีบหาทางหลุดพ้น ไม่จมอยู่กับมัน 
หก กล้าหาญเสมอ คุณกล้าเปลี่ยนแปลงและกล้ารับมือกับสิ่งแปลกใหม่หรือปัญหาต่างๆ 
เจ็ด มีความฝันใฝ่ เมื่อชีวิตมีจุดหมาย คุณก็จะเดินไปบนถนนชีวิตอย่างมีความหวัง ไม่เลื่อนลอย 
แปด มีน้ำใจอาทร คุณพบความสุขในใจเสมอถ้าเป็นผู้ให้แก่ผู้อื่น โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน 
เก้า นับถือตัวเอง ไม่ดูถูกตัวเองด้วยการลดคุณค่าและทำในสิ่งที่เสื่อมเสียต่อตัวเอง สิบ เติมสีสัน สร้างรอยยิ้มให้ชีวิตของคุณและคนรอบข้าง รู้จักหยอกล้อคนอื่น ๆ และตัวเองด้วย 


ความสุขนั้นคือพอใจกับวิถีชีวิตของตัวเอง และวางฝันของตัวเองตามกำลังที่ตนทำได้ การได้รับวัตถุและความสำเร็จในหน้าที่การงาน ทำให้คุณพึงพอใจและยกระดับฐานะของคุณเท่านั้น เป็นการสร้างเสริมความสุขเพียงภายนอก และมันมิได้อยู่กับคุณอย่างมั่นคงถาวรตลอดไป เพราะคนเรานั้นย่อมมีความต้องการเพิ่มขึ้นเสมอไม่มีวันหยุดนิ่ง
ความสุขที่แท้จริงเกิดจากข้างในจิตใจของคนเรา และถ้าจิตใจของคุณไม่ว่าง เต็มไปด้วยอารมณ์อันตรายต่าง ๆ ความสุขก็จะเกิดขึ้นได้ยากยิ่ง เพราะความสุขนั้นมักเกิดขึ้นท่ามกลางความสงบเสมอ ชีวิตของคนเรานั้นไม่ยืนยาวนัก คุณสามารถหาความสุขให้ตัวเองได้ตั้งแต่เดี๋ยวนี้ ไม่ต้องมุ่งหวังยามแก่เฒ่า ค่อยอยู่อย่างสงบสุขอย่างที่หลายคนเชื่อกัน เชื่อเถอะ เราจะสามารถมีความสุขที่สุดในโลกได้ ในตอนนี้ ถ้าเราเริ่มจากตัวเราเอง !!!


การรอคอย....








การรอคอยอะไรสักอย่าง........ที่มุงหวัง
บางครั้ง........เราสมหวังในที่ที่ได้ตั้งใจไว้..........ต่างก็ได้รับความยินดี
แต่ถ้า......มันไม่สมดังที่เราหวังไว้......แล้วคุณยังอยากจะรอคอยอยู่ไหม??????

บางคน.....เลือกที่จะรอ......เพราะเห็นว่ายังมีความหวัง.....
บางคน.....เลือกที่จะรอ......เพราะรู้สึกว่ายังพยายามไม่เต็มที่....
บางคน.....เลือกที่จะรอ......เพราะคนรอบข้างบอกให้รอ.....อย่างมีความหวัง......
และยังมีบางคน.....เลือกที่จะรอ......ทั้งๆที่ไม่มีความหวังแม้แต่น้อย.....แต่สุดท้ายก็ยังรอ.......

กับคำตอบข้อสุดท้าย.....การรอคอยอย่างไม่มีความหวัง.....
เราอาจมีความสุขกับการเฝ้ามองความเป็นไป...
ของที่เราตั้งใจอยากครอบครอง......เราอาจเดินเข้าไปใกล้ๆสิ่งนั้นอย่างช้าๆๆๆ
แต่บางที....ก็ยังมีกำแพงทีคอยขวางกั้นอยู่......

แม้ว่า.....เราอยากจะยื้อเวลาทั้งชีวิตเพียงเพื่อสิ่งนั้น......เพราะคิดว่าสักวันจะได้มันมาครอบครอง...
แล้วถ้าคุณใช้เวลาทั้งชีวิตหมดไปแล้ว.....แต่สุดท้าย......ก็ยังไม่ได้มันมาครอบครองอยู่ดี.....
คุณคงเป็นคนหนึ่งที่น่าสงสารที่สุด.....
การเดินทางของชีวิตที่ดูเหมือนจะยาวนาน......
แท้จริงแล้ว....มันก็สั้นเท่ากับหนึ่งลมหายใจของเราเพียงเท่านั้น...
เวลา.....มีค่าเท่าๆกับสิ่งที่คุณหวังและใฝ่หา....
แต่เวลาจะไร้ค่า.......หากถูกยืดเยื้อไว้ให้กับสิ่งที่ไม่มีวันได้มันมาครอบครอง.......


อย่ามัวเสียเวลา......ให้กับความว่างเปล่า....
เวลาสำหรับวันข้างหน้า....อาจมีสิ่งที่คุณต้องการ....
มากกว่าที่คุณต้องการในตอนนี้ก็ได้.........ใครจะรู้.............