ประวัติความเป็นมาของฉัน
นางสาวชญาภรณ์ ยนปลัดยศ เรียกกันติดปากว่า อ้อม
เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 3 พฤษภาคม 2535 ตอนนี้อายุ 20 ปี
ภูมิลำเนาอยู่ที่ราชบุรีมาแต่กำเนิดเป็นคนดำเนินสะดวก มีพี่น้อง 2 คน ฉันเป็นลูกสาวคนเล็ก มีพี่ชาย 1 คน
พี่ชายฉันชื่อราชันย์ ยนปลัดยศ แม่เรียก ท๊อป แต่คนอื่นเรียกเขาว่า บอส (ตอนนี้มีหลานให้ฉันเลี้ยง 1คนแล้วด้วย)
ชีวิตของฉันมีความสุขดีอยู่แม้ว่าครอบครัวของฉันจะไม่สมบูรณ์ แต่ชีวิตฉันก็มีความสุขดี ตัวฉันเองเป็นคนที่ง่ายๆกับทุกๆเรื่อง แต่ยกเว้นเรื่องเดียวคือเรื่องกิน(เรื่องมากที่สุดเลย)
ฉันเองเป็นคนที่ร่าเริง สนุกสนาน เจ้าอารมณ์บ้างบางเวลา ฉันชอบเอาใจใส่คนรอบข้าง (ชอบเห็นคนรอบข้างมีความสุข)
นิสัยส่วนตัวที่ติดลบก็คือเป็นคนชอบคิดมาก งี่เง่า เอาแต่ใจ แต่เวลารักใครก็รักจริง(แต่อย่าให้โกรธหรือเกลียดใครฉันจะเกลียดมากๆ)และฉันก็เป็นคนแคร์คนอื่นจนลืมมองตัวเองไปด้วยซ้ำ
เรื่องราวชีวิตของฉันมันเป็นเหมือนนาทีชีวิตได้เลยทีเดียว
ในอดีตที่ผ่านมาแม่เล่าให้ฟังว่าเมื่อฉันเกิดมาอายุได้1ขวบ ช่วงนั้นที่บ้านมีอาชีพเลี้ยงวัวฉันเป็นโรคไข้เยื่อหุ้มสมองอักเสบ
(ก่อนที่จะได้รับวัคซีนซะอีก) อยู่โรงพยาบาลเป็นเดือนๆต้องโกนหัว เจาะไขสันหลัง ช่วงนั้นแม่เล่าว่าฉันนอนหมดสติไป 3 วัน3คืน แม่บอกว่าตอนนั้นแม่ก็ทำใจไว้แล้วแหละว่าจะต้องไม่รอด เพราะหมอบอกกับแม่ว่าเหลือแค่ 70-30 เปอร์เซ็นต์ คือโอกาสรอด30 และโอกาสที่จะตายมีอยู่ 70 เปอร์เซ็นต์ รอดก็คงไม่ปกติเท่าไหร่นัก แต่สุดท้ายปาฏิหาริย์ก็มีจริง ฉันมีชีวิตรอดมาโดยที่สมบูรณ์แบบไม่น่าเชื่อ และตั้งแต่นั้นฉันก็มีภูมิคุ้มกันที่บกพร่องมาตลอด กลายเป็นคนอ่อนแอแต่ฉันก็ไม่ยอมแพ้ใช้ชีวิตเรื่อยๆมาตลอด20ปี เข้าโรงพยาบาลมากยิ่งกว่าเดินห้างสรรพสินค้าด้วยซ้ำ เมื่อช่วงอายุประมาณ 15 ปีเกิดอาการปวดท้องอย่างรุนแรงไปนอนโรงบาลที่หนึ่งแต่เขาก็บอกไม่ได้ว่าเป็นอะไร ก็เลยย้ายโรงบาลหมอพบเจอไส้ติ่งอักเสบเกือบที่จะแตกแล้ว ฉันก็เลยได้เข้ารับการผ่าตัดไส้ติ่ง แต่พอเว้นระยะห่างได้ 6 เดือน ฉันก็รู้สึกแปลกๆ พอไปหาหมอก็ได้เข้ารับการผ่าตัดอีกครั้ง ครั้งนี้ เป็นช็อคโกแลตซีสที่ปีกมดลูกด้านขวา แล้วปีกมดลูกเกิดพลิกคว่ำทำให้เลือดคลั่งในรังไข่ จนต้องได้รับการผ่าตัดอย่างโดยด่วน เมื่ออายุ 17 ปี ฉันก็เข้าโรงพยาบาลเกือบทุกเดือน ตอนนั้นเป็นโรคหัวใจ เกิดอาการชักเกร็งอย่างรุนแรง ปวดหัวอย่างมาก โดยไม่รู้สาเหตุเลยด้วยว่ามันมาจากไหน จนมาถึงอายุ 18ปีเป็นหนักขึ้น อยู่โรงพยาบาลเป็นเดือนๆ ในช่วงนี้ฉันเป็นเกือบทำให้แม่ต้องเสียใจอีกครั้ง ครั้งนี้เป็นหนักมากกว่าที่ผ่านมา เกิดอาการชักเกร็งมาก ทำให้ฉันทรมานหมดลมไปประมาณ 3-4นาที ซักพักก็ฟื้นขึ้นมา หลังจากนั้นที่ฟื้นขึ้นมาฉันก็หายใจเองไม่ได้เป็นเวลาถัดมาอีกเกือบ3สัปดาห์หลังจากรักษาหายดีและอยู่อย่างอ่อนแอบ้างแข็งแรงบ้างเป็นบางครั้ง แต่เมื่อไม่นานมานี้เกิดอาการปวดหลัง ร้าวมาที่แขนและขึ้นหัวปวดมาๆ จนมีอาการชาไปครึ่งซักตัวด้านซ้าย หมอบอกว่ากล้ามเนื้อหลังอักเสบเรื้อรัง ซึ่งเป็นผลกระทบมาจากการเป็นไข้เยื่อหุ้มสมองในตอนที่เป็นเด็ก ในตอนนี้ฉันก็ได้รับการรักษาอยู่เรื่อยๆ ตอนนี้ก็เลยอยู่ในช่วงที่พักฟื้นตัวเองให้แข็งแรงอยู่ และอยู่เรื่อยมาอย่างมีความสุขยอมรับว่าท้อเหมือนกันนะกับสิ่งที่เป็นอยู่แต่ฉันก็ยังพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับความเป็นจริงอย่างมีความสุข เพราะถ้าใจฉันยิ่งท้อ ร่างกายของฉันก็จะไม่มีทางที่จะดีขึ้นและหายดีได้ ฉันจึงลุกขึ้นสู้และพร้อมที่จะทำให้ร่างกายและจิตใจของฉันแข็งแรงมากขึ้นและอยู่อย่างมีความสุข แม้ร่างกายจะป่วยแต่ก็ใช่ว่าจะทำใจให้สุขไม่ได้ จริงไหมคร่ะ!!!!!!!
จากเรื่องราวชีวิตของฉันอยากให้ผู้ที่อ่อนแอและสิ้นหวัง ไม่ว่าจะด้านร่างกายหรือจิตใจ ก็อยากขอเป็นกำลังใจให้ลุกขึ้นสู้กับอุปสรรคต่างๆที่เราต้องเจอ คุณอาจจะท้อแท้ได้แต่ถ้ายังไม่สิ้นหวังคุณก็จงอย่าท้อถอย เมื่อมีสุขมันก็ต้องมีทุกข์ เมื่อผิดหวังก็มีสมหวังปะปนกันไปบ้างเป็นธรรมดาของชีวิตคน อย่าคิดว่าตนเองไม่มีค่า อย่าไปมองว่าคนอื่นมีค่าแค่ไหน ถ้าคุณยังมองไม่เห็นค่าของตัวคุณเอง